อยากสำเร็จต้องลงมือทำ | Make your hands dirty

0

 A real loser is someone who is so afraid of losing, that they don’t even try.

คนที่ไม่กล้าแม้แต้จะเริ่มต้น จะเป็นคนขี้แพ้ไปตลอดชีวิต

ในสมัยเรียนปริญญาตรีปี3 ผมได้มีโอกาสขึ้นไปนำเสนอผมงานทางวิชาการครั้งหนึ่งในระดับประเทศซึ่งจัดโดยทางมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบการพูด การนำเสนอผลงาน ทั้งหน้าห้องเรียนและในที่สาธารณะต่างๆ แต่ชอบเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง


ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองพูดอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ยาก บวกกับความอาย ความกังวลและไม่มั่นใจในตัวเองแทบทุกครั้ง จึงปฏิเสธมาโดยตลอดถ้ามีงานนำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยภาระต่างๆจะตกไปอยู่กับเพื่อนในกลุ่มเสมอ
.
ก่อนงานวิชาการจะเริ่มขึ้น อาจารย์ได้เรียกผมและเพื่อนๆไป แล้วบอกว่าให้ผมเป็นคนนำเสนองานวิจัยที่สร้างขึ้น
.
เมื่อสิ้นเสียงอาจารย์ ผมนิ่งแต่ในใจรู้สึกหนาวๆร้อนๆ และขาสั่น แต่ผมไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ เนื่องด้วยเพื่อนอีก 2 คนในกลุ่มเป็นผู้หญิง (ถ้าโยนภาระไปให้ผู้หญิงรับหน้าที่ตรงนี้ไปก็ดูไม่ดีสินะ 555)
.
เมื่อกลับไปถึงหอพัก ผมพยายามหาเหตุผลให้กับตัวเองเพื่อปลอบใจ อาจจะเป็นเพราะอาจารย์เขาเห็นศักยภาพบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเราโดยที่เราอาจมองมันไม่เห็น หามันไม่เจอก็ได้
.
ผมจำได้แม่นเลย ผมใช้เวลาในการเตรียมตัวอยู่ประมาณ 1 เดือนเต็ม ทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานวิจัย เอกสารต่างๆ ผมดาวน์โหลดและปริ้นออกมาทุกอย่าง


ถึงขั้นนั่งท่องข้อมูลทางด้านเทคนิคทั้งหมดเกี่ยวกับอุปกรณ์เซ็นเซอร์และ Microcontroller ต่างๆ ว่ามีหลักการทำงานอย่างไรและตัวแปรแต่ละตัวคืออะไร


แต่ละสัปดาห์อาจารย์จะเรียกให้ไปพรีเซ็นต์ให้ฟัง พร้อมกับให้คำแนะนำเพื่อไปปรับแก้


สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าที่ไปพรีเซ็นต์ให้อาจารย์ฟัง ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ไม่โอเคทุกครั้ง และอาจารย์บอกว่าต้องดีกว่านี้


ยิ่งเวลาเข้าใกล้วันประชุมวิชาการเข้าทุกที ความเครียดความกังวลก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นไปด้วย


แต่ละวันหลังจากเลิกเรียน ผมใช้เวลาฝึกพรีเซ็นอยู่หน้าคอมคนเดียว ทั้งวันทั้งคืน บางครั้งปริ้นสไลด์ที่ใช้พรีเซ็นออกมาเป็นกระดาษและเดินฝึกพูดพรีเซ็นต์อยู่หน้าหอพัก (บอกเลยครับว่าเครียดมากๆ)


คืนสุดท้ายก่อนนำเสนอผลงานจริง ผมนอนไม่หลับ เครียด ความกังวลเพิ่มขึ้น 10 เท่า กลัวว่าทำได้ไม่ดี กลัวทุกอย่าง


เมื่อถึงเช้าที่ต้องนำเสนอผลงานจริงๆ ผมไปถึงสถานที่นำเสนอผลงานประมาณ 8 โมงครึ่ง แต่คิวการนำเสนอผลงานประมาณ 10-11 โมง


กังวลไปอีกเมื่อเห็นรายชื่อของผู้ที่มารับฟังและมานำเสนอผลงานใน Section เดียวกันเป็นระดับ อาจารย์ และ ดร.ทั้งสิ้น


เอาไงละที่นี้ ถอยก็ไม่ได้แล้ว


เวลาประมาณ 9 โมงก่อนที่จะเข้าไปนั่งการนำเสนอผลงานของท่านอื่นๆ ผมก็ขอพรีเซ็นต์ให้อาจารย์ฟังอีกสักครั้งเพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนขึ้นพรีเซ็นต์จริง


แต่เมื่ออาจารย์ฟังจบ คำพูดเดิมของอาจารย์คือ ยังไม่ผ่าน ยังไม่ดี


ขณะนั้นผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ได้แต่ลุยอย่างเดียว


เมื่อถึงเวลา พิธีกรได้เรียกชื่อผมพร้อมเชิญขึ้นไปบนเวที


ในขณะที่ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงไปยังหน้าเวที ผมมองไม่เห็นผู้คน เสมือนหนึ่งว่าผมอยู่ในโลกของผมและนำเสนอผลงานให้กับตัวเองได้ฟังโดยไร้ความวิตกกังวลใดๆ


เมื่อนำเสนอผลงานเสร็จ ผมก็ได้นั่งรอจนจบพิธีการทั้งหมด และเดินออกจากห้องประชุม


อาจารย์ที่ผมซ้อมพรีเซ็นต์ให้ฟัง เดินมาพร้อมกับพูดว่า ทำได้ดีมาก พูดได้เป็นธรรมชาติที่สุดและไม่ติดขัดเลย


ผมดีใจมากที่ได้ยินคำชมจากอาจารย์เป็นครั้งแรก ความเครียดและความกังวล ความกลัวต่างๆ ได้หายไปหมดเลย


และก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังที่พัก ได้มีอาจารย์คนหนึ่ง(ซึ่งผมไม่รู้จัก เป็นอาจารย์จาก กทม.) ได้เดินมาตบบ่าเบาๆ พร้อมกับพูดว่า "พรีเซ็นต์ได้ดีมาก" ทำให้ผมมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีก หลังจากนั้นก็ขับมอไซต์กลับที่พัก



สรุป
.
อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถถ้ายังไม่ลงมือทำ
"น้ำมันที่ไม่เดือดทอดอะไรก็ไม่สุก ความพยายามที่ไม่สุด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ"
ถึงแม้ว่าเราจะมองไม่เห็นความสามารถของตัวเราเองในวันนี้ แต่สักวันหนึ่งคนอื่นจะเห็นความสามารถที่อยู่ใ้นตัวเรา
.
*ทุกคนสามารถทำได้ ถ้าตั้งใจจริง*
.
ปล. ขอขอบคุณอาจารย์ที่มองเห็นศักยภาพในตัวผม ให้โอกาสและคอยสนับสนุน ผลักดันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าไม่ค่อยชมก็ตาม😂
(แต่ตอนนี้ก็ยังกลัวการพูดเหมือนเดิมนะ😁)


Tags:

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น (0)